ได้แก่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งไต มะเร็งระบบน้ำเหลืองในช่องท้อง มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
ได้แก่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งไต มะเร็งระบบน้ำเหลืองในช่องท้อง มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
ผู้ป่วยจะถูกจัดตำแหน่งตามขอบเขตที่กำหนดไว้ จากนั้นนักรังสีรักษาจะทำการฉายรังสีตามแผนการรักษา ขณะฉายรังสีให้ผู้ป่วยนอนนิ่งๆ หายใจตามปกติ ในการฉายแต่ละครั้งใช้เวลา 5 – 30 นาที ขึ้นกับเทคนิคที่ใช้ ทำหารฉายรังสีสัปดาห์ละ 5 วัน ประมาณ 5 – 8 สัปดาห์ ตามชนิดและระยะของโรค และตามแผนการรักษาของแพทย์ ในผู้ป่วยบางรายจำเป็นต้องดื่มน้ำและกลั้นปัสสาวะก่อนฉายรังสี เพื่อลดผลข้างเคียงที่จะเกิดกับอวัยวะปกติโดยรอบ
อาการแสดง |
ข้อควรปฏิบัติ |
---|---|
ผิวหนังแดงคล้ำหรือแห้งคัน(สัปดาห์ที่ 4 - 5)
|
- ปล่อยให้ผิวหนังส่วนนั้นถูกอากาศ ห้ามถูกแดด
- บริเวณที่ฉายให้น้ำสะอาดไหลผ่านได้ และให้ซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
- ไม่ใช้สบู่ เครื่องสำอางทาบริเวณที่ฉายรังสี ยกเว้นเป็นยาที่แพทย์สั่ง
- สวมเสื้อผ้าหลวมๆ อ่อนนุ่ม หลีกเลี่ยงการใส่ชั้นในที่รัดหรือคับ
- หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
|
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
|
- งดการรับประทานอาหาร 2 – 3 ชั่วโมงก่อนการฉายรังสี หรือรับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย
- ควรรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
- หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
|
ท้องเสียหรือมีอาการปวดเบ่ง
|
- รับประทานอาหารอ่อนที่ดูดซึมง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป และน้ำหวาน เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องเสียเพิ่ม เช่น ผัก ผลไม้และนม เป็นต้น
- ดื่มน้ำมาก ๆ หรือจิบเครื่องดื่มผสมเกลือแร่ ORS บ่อย ๆ
- หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
|
ปวดถ่วงบริเวณทวารหนัก
|
- ถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่ควรปล่อยให้ท้องผูก
- หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
|
ปัสสาวะบ่อยและขัดเวลาปัสสาวะ หรือปวดท้องน้อย
|
- ดื่มน้ำมากๆ วันละ 6 – 8 แก้ว
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะกระเพราะปัสสาวะอาจเกิดการอักเสบได้
- หากมีปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะเป็นเลือด ควรรีบแจ้งแพทย์
|
- ห้ามลบเส้นและห้ามเติมเส้นด้วยตนเอง
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด ห้ามวางกระเป๋าน้ำร้อนหรือประคบน้ำแข็งบริเวณที่ฉาย
- ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ เพื่อลดการเสียดสีกับผิวหนัง
- งดล้างหรือทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ ถ้าจำเป็นให้ใช้น้ำสะอาดไหลผ่านและใช้ผ้าอ่อนนุ่มซับให้แห้ง
- งดทาแป้ง ครีม เครื่องสำอางใดๆ ยกเว้นเป็นยาที่แพทย์สั่ง
***ผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสีควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพราะมีความบอบบางและเกิดแผลได้ง่าย***
- รับประทานอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ งดอาหารหมักดอง เหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ
- ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายตามสภาพของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
- ทำจิตใจให้สบาย ลดความวิตกกังวล โดยการหางานอดิเรกทำ
- หากผู้ป่วยรักษาโรคอื่นร่วมอยู่ด้วย ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาต่อไปและต้องรับการตรวจรักษาต่อกับแพทย์นั้นๆ ตามนัดสม่ำเสมอ
หากแพทย์อนุญาตให้อาบน้ำได้ ท่าสามารถปฏิบัติได้ทันทีตามที่แพทย์แนะนำ
ถ้าแพทย์ไม่ได้แนะนำ ให้ท่านปฏิบัติตังนี้
** ถ้ามีแผลบริเวณที่ฉาย ให้งดอาบน้ำจนกว่าแผลจะแห้ง จึงเริ่มอาบน้ำได้
** ถ้าไม่มีแผลบริเวณที่ฉายรังสี
> สัปดาห์ที่ 1-2 ให้อาบน้ำได้โดยไม่ขัดถูหรือฟอกสบู่บริเวณที่ฉายและซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
> สัปดาห์ที่ 3 ให้อาบน้ำได้ ฟอกสบู่ แต่ไม่ขัดถูบริเวณที่ฉายรังสี และซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
> สัปดาห์ที่ 4 ให้อาบน้ำได้ตามปกติ และใช้ครีมที่มีความชุ่มชื้นนวดบริเวณที่ฉายทั้งด้านหน้าและหลังอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ทุกวันตลอดไป เพื่อป้องกันการแข็งตัวของผิวหนังจากการฉายรังสี
***หลังจากได้รับการรักษาครบแล้วแพทย์จะนัดมาตรวจติดามการรักษาต่อไปอีกระยะ ผู้ป่วยควรมารับการตรวจตามนัดทุกครั้ง***